วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2556

อนุทิน 3



แบบฝึกหัด อนุทินที่ 3

1.  นักศึกษาอธิบายคำ นิยามต่อไปนี้ ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ  พ.ศ. 2542        
 ก. การศึกษา     
     ตอบ          กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและ สังคมโดยการถ่ายทอดความรู้  การฝึก  การอบรม  การสืบสานทางวัฒนธรรม  การสร้างสรรค์ จรรโลง  ความก้าวหน้าทางวิชาการ  การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม  สังคม  การเรียนรู้  และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
 ข. การศึกษาขั้นพื้นฐาน  
     ตอบ        การศึกษาก่อนระดับอุดมศึกษา
 ค.  การศึกษาตลอดชีวิต    
      ตอบ       การศึกษาที่สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต  โดยเกิดจากการผสมผสานระหว่างการศึกษาในระบบ  การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย
ง. มาตรฐานการศึกษา      
       ตอบ   ข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะคุณภาพที่พึง ประสงค์และมาตรฐานที่ต้องการให้เกิดขึ้นในสถานศึกษาทุกแห่ง  และเพื่อใช้เป็นหลักในการ เทียบเคียงสำหรับส่งเสริมและกำกับดูแล  การตรวจสอบ  การประเมิน  และการประกันคุณภาพทาง การศึกษา 
จ. การประกันคุณภาพภายใน   
        ตอบ        การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบ คุณภาพและมาตรฐานการศึกษาจากภายใน  โดยบุคลากรของสถานศึกษานั้นเอง  หรือหน่วยงานต้นสังกัดที่มีหน้าที่กำกับดูแลสถานศึกษานั้น
ช. การประกันคุณภาพภายนอก  
         ตอบ     การประเมินผลและการติดตาม ตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาจากภายนอก  โดยสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาหรือบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกที่สำนักงานดังกล่าวรองรับ  เพื่อเป็นการประกันคุณภาพ และให้มีการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของสถานศึกษา
ซ. ผู้สอน  
        ตอบ    ครูและคณาจารย์ในสถานศึกษาระดับต่าง ๆ
 ฌ. ครู      
        ตอบ   บุคลากรวิชาชีพซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอนและการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ ในสถานศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน
 ญ. คณาจารย์ 
       ตอบ     บุคลากรซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการสอนและการวิจัยในคือสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาและระดับปริญญาของรัฐและเอกชน
ฐ. ผู้บริหารสถานศึกษา  
       ตอบ   บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารสถานศึกษาแต่ละแห่งทั้งของรัฐและเอกชน
 ฒ. ผู้บริหารการศึกษา
      ตอบ   บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารการศึกษานอกสถานศึกษาตั้งแต่ระดับเขตพื้นที่การศึกษาขึ้นไป
ณ. บุคลากรทางการศึกษา
ตอบ        ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา รวมทั้งผู้สนับสนุนการศึกษาซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ให้บริการ หรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศและการบริหารการศึกษาในหน่วยงานการศึกษาต่าง ๆ
 2.  ความมุ่งหมายและหลักการจัดการศึกษาได้กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษานี้อย่างไรบ้าง ให้อธิบาย
ตอบ   - 2.1ความมุ่งหมายของการจัดการศึกษา (มาตรา 6) การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่าง กาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดดำรงชีวิตสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมี ความสุข
 - 2.2กระบวนการเรียนรู้ (มาตรา 7) กระบวนการเรียนรู้ ต้องมุ่งปลูกฝังจิตสำนึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอัน มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รู้จักรักษาและส่งเสริมสิทธิ หน้าที่ เสรีภาพ ความเคารพกฎหมาย ความเสมอภาค และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย รู้จักรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมและของประเทศชาติ รวมทั้งส่งเสริมศาสนาศิลปะ วัฒนธรรมของชาติ การกีฬา ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทยและความรู้อันเป็นสากล ตลอดจนอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีความสามารถในการประกอบอาชีพรู้จักพึงตนเอง มีความริเริ่มสร้างสรรค์ ใฝ่รู้ และเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง
- 2.3 หลักการจัดการศึกษา มี 3 ประการคือ (มาตรา 8)
    (1) เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน
    (2) ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
    (3) การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
- 2.4การจัดระบบโครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษาให้ยึดหลักดังนี้ (มาตรา 9)
     (1) มีเอกภาพด้านนโยบาย และมีความหลากหลายในการปฏิบัติ
     (2) มีการกระจายอำนาจไปสู่เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษาและองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น
     (3) มีการกำหนดมาตรฐานการศึกษา และจัดระบบประกันคุณภาพการศึกษาทุกระดับและประเภทการศึกษา
     (4) มีหลักการส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา และการพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
     (5) ระดมทรัพยากร จากแหล่งต่าง ๆ มาใช้ในการจัดการศึกษา
     (6) การมีส่วนร่วมของบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น
3.  หลักการจัดการศึกษาประกอบด้วยอะไรบ้าง  จงอธิบาย
ตอบ     หลักการจัดการศึกษา มี 3 ประการคือ (มาตรา 8)
      (1) เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน
      (2) ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
      (3) การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
4.  การจัดระบบ  โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษา ตามที่กฎหมายกำหนดมีอะไรบ้าง
ตอบ   การจัดระบบโครงสร้างและกระบวนการจัดการศึกษาให้ยึดหลักดังนี้ (มาตรา 9)
           (1) มีเอกภาพด้านนโยบาย และมีความหลากหลายในการปฏิบัติ
           (2) มีการกระจายอำนาจไปสู่เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษาและองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น
           (3) มีการกำหนดมาตรฐานการศึกษา และจัดระบบประกันคุณภาพการศึกษาทุกระดับและประเภทการศึกษา
           (4) มีหลักการส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา และการพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
           (5) ระดมทรัพยากร จากแหล่งต่าง ๆ มาใช้ในการจัดการศึกษา
           (6) การมีส่วนร่วม ของบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น
5.  สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา ที่กำหนดไว้ในกฎหมายมีอะไรบ้าง
ตอบ    สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา
1. การจัดการศึกษา ต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อย กว่า 12 ปี อย่างทั่วถึง  มีคุณภาพ และไม่เก็บค่าใช้จ่าย
2. บุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์สังคม ผู้ด้อยโอกาสและผู้มีความสามารถพิเศษ มีสิทธิได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษ
3. พ่อแม่ ผู้ปกครอง บุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน สถานประกอบการ สถาบันศาสนาและสถาบันอื่น ๆ มีสิทธิจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้แก่บุตรหลานของตนหรือบุคคลทั่วไป
6.  ระบบการศึกษามีกี่รูปแบบแต่ละรูปแบบมีอะไรบ้าง  จงอธิบาย
ตอบ    ระบบการศึกษา (มาตรา 15-21) มีดังนี้
1. การจัดการศึกษามี 3 รูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษา ตามอัธยาศัย สถานศึกษาแต่ละแห่งสามารถจัดการศึกษาได้  3 รูปแบบหรือรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ซึ่งทั้ง 3 รูปแบบนี้สามารถเทียบโอนกันได้
2. การจัดการศึกษาแบ่งเป็น  2 ระดับคือ การศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษาระดับอุดมศึกษา สำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน จะเรียกชื่อเป็นประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย หรืออย่างอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง การศึกษาระดับอุดมศึกษา มี 2 ระดับคือ ระดับปริญญาและต่ำกว่าปริญญา
3. การศึกษาภาคบังคับมีกำหนด 9 ปี เด็กอายุ 6 ขวบต้องเข้าเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จนถึงอายุ 15 ขวบ เว้นแต่สอบได้ชั้นปีที่ 9 ของการศึกษาภาคบังคับ หลักเกณฑ์การนับอายุให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
4. การจัดการศึกษาปฐมวัยและการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้จัดในสถานศึกษา 3ประเภทคือ
        (1) สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
        (2) โรงเรียน
        (3) ศูนย์การเรียน
5. การอาชีวศึกษาให้จัดในสถานศึกษาของรัฐและเอกชนรวมทั้งสถานประกอบการและ องค์กรหรือหน่วยงานอื่น ตามกฎหมายว่าด้วยอาชีวศึกษา
6. กระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ อาจจัดการศึกษาเฉพาะทางตามความต้องการและความชำนาญของหน่วยงาน โดยคำนึงถึงนโยบายและมาตรฐานการศึกษาของชาติ ทั้งนี้ ตามทหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
7.  การจัดการศึกษาในระบบมีอะไรบ้าง  จงอธิบาย
ตอบ    1. ยึดหลักว่าทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ให้ถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด และต้องให้แต่ละคนสามารถพัฒนาตามความถนัด ความสนใจและเต็มศักยภาพของเขา
2. เนื้อหาสาระของการศึกษาทุกระบบทุกรูปแบบ ต้องเน้นความรู้คู่คุณธรรมและ กระบวนการเรียนรู้ โดยบูรณาการ (ผสมผสาน) ตามความเหมาะสมของระดับการศึกษา
3. เนื้อหาสาระของวิชาความรู้ที่ต้องไปกำหนดหลักสูตรและจัดการเรียนรู้
8.  สถานศึกษาที่เป็นนิติบุคคลเป็นอย่างไร
ตอบสถานศึกษาเอกชน ตามมาตรา 18(2) เป็นนิติบุคคลและมีคณะกรรมการบริหารประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน ผู้รับใบอนุญาต ผู้แทนผู้ปกครอง ผู้แทนองค์กรชุมชน ผู้แทนครู ผู้แทนศิษย์เก่า และผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งให้เป็นไปตามในกฎกระทรวง
9.  แนวทางการจัดการศึกษามีหลักยึดอะไรบ้าง
ตอบ   9.1 ต้องจัดให้สอดคล้องกับนโยบาย แผนการศึกษาแห่งชาติและมาตรฐานการศึกษาของชาติ
9.2ต้องจัดให้มีการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่จัดการศึกษาเฉพาะทางด้วยกัน
 9.3ต้องจัดให้มีการประกันคุณภาพภายใน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาและเพื่อรองรับการประกัน คุณภาพภายนอก
10. ท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่กำหนดให้ครู  ผู้บริหารสถานศึกษา  ผู้บริหารการศึกษา  ทั้งรัฐและเอกชน จะต้องมีใบประกอบวิชาชีพ
ตอบ    เห็นด้วย เพราะ การที่ให้ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่นทั้งของรัฐ และเอกชนต้องมีใบประกอบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เพราะทุกคนจะมีความเสมอภาคเช่นเดียวกับบุคคลที่เรียนครูมาโดยตรง
 11. มีวิธีการระดมทรัพยากรเพื่อพัฒนาการศึกษาในท้องถิ่นของท่านได้อย่างบ้าง
ตอบ  1. จัดสรรคลื่นความถี่ สื่อตัวนำและโครงสร้างพื้นฐานอื่นที่จำเป็นต่อการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ วิทยุโทรคมนาคม และการสื่อสารในรูปอื่น เพื่อใช้ประโยชน์สำหรับการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัยการทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมตามความจำเป็น (มาตรา 63)
2. ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการผลิต และพัฒนาแบบเรียน ตำรา หนังสือทางวิชาการ สื่อสิ่งพิมพ์อื่น วัสดุอุปกรณ์และเทคโนโลยีอื่น โดยเร่งรัดพัฒนาขีดความสามารถในการผลิต จัดให้มีเงินสนับสนุนการผลิตและมีการให้แรงจูงใจแก่ผู้ผลิต และพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
 12. การพัฒนาสื่อและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา  มีวิธีการพัฒนาได้อย่างไร
ตอบ   1.ให้มีการพัฒนาบุคลากรทั้งด้านผู้ผลิต และผู้ใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เพื่อให้มี ความรู้ ความสามารถ และทักษะในการผลิต รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม มีคุณภาพและ ประสิทธิภาพ (มาตรา 65)
2. ให้ผู้เรียนมีสิทธิได้รับการพัฒนาขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการ ศึกษาในโอกาสแรกที่ทำได้ เพื่อให้มีความรู้และทักษะเพียงพอ ที่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง ตลอดชีวิต (มาตรา 66)
3. ส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนา การผลิตและการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา รวมทั้งการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เพื่อให้เกิดการใช้ที่คุ้มค่าและเหมาะสมกระบวนการเรียนรู้ของคนไทย (มาตรา 67)
4. ให้มีการระดมทุน เพื่อจัดตั้งกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาจากเงินอุดหนุนของรัฐ ค่าสัมปทาน และผลกำไรที่ได้จากการดำเนินกิจการด้านสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ และโทรคมนาคมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรประชาชนรวมทั้งให้มีการลดอัตราค่าบริการเป็นพิเศษในการใช้ เทคโนโลยีดังกล่าว เพื่อพัฒนาคนและสังคม

วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556

อนุทิน 2



แบบฝึกหัด 2
1. ใครเป็นผู้ขอพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรก และมีเหตุผลอย่างไร  และประเด็นที่ เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา เป็นอย่างไร  อธิบาย
   ตอบ         ผู้ขอพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรก  คือ  หลวงประดิษฐมนูธรรม (ดร.ปรีดี  พนมยงค์) เพราะเห็นแก่ประโยชน์สุขของชนส่วนใหญ่ในอาณาจักรไทย
2. แนวนโยบายแห่งรัฐในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ของรัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช  2492  ได้กำหนดอย่างไร  อธิบาย 
  ตอบ            มาตรา 62  การศึกษาอบรมพึงมีจุดประสงค์ที่จะให้ชนชาวไทยเป็นพลเมืองดี  มีร่างกายแข็งแรงและอนามัยสมบูรณ์  มีความรู้ความสามารถที่จะประกอบอาชีพ  และมีจิตใจเป็น นักประชาธิปไตย   
             มาตรา 63  รัฐพึงส่งเสริมและบำรุงการศึกษาอบรม การจัดระบบการศึกษาอบรม เป็นหน้าที่ของรัฐโดยเฉพาะสถานศึกษาทั้งปวงย่อมอยู่ภายในการควบคุมดูแลของรัฐ การศึกษา อบรมชั้นอุดมศึกษา   รัฐพึงจัดการให้สถานศึกษาดำ เนินกิจการของตนเองได้ภายในขอบเขตที่กฎหมาย บัญญัติ   
             มาตรา 64  การศึกษาอบรมชั้นประถมศึกษาในสถานศึกษาของรัฐและของเทศบาล จะต้องจัดให้โดยไม่เก็บค่าเล่าเรียน รัฐพึงช่วยเหลือให้มีอุปกรณ์การศึกษาอบรมตามสมควร
             มาตรา 65 รัฐพึงสนับสนุนการค้นคว้าในทางศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์  (ราชกิจจานุเบกษา, 2492, 25-27)
3. เปรียบเทียบแนวนโยบายแห่งรัฐประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของรัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช  2511   พุทธศักราช  2517  และ พุทธศักราช  2521  เหมือนหรือต่างกันอย่างไร อธิบาย
    ตอบ      เหมือนกันคือ 41  บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นมูลฐาน  ตาม กฎหมายว่าด้วยการศึกษาภาคบังคับ    
 4.  ประเด็นที่ 1 รัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2475-2490   ประเด็นที่ 2  รัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 25492-2517  ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาเหมือนหรือต่างกันอย่างไร  อธิบาย 
 ตอบ     สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทยในการศึกษาอบรม สถานศึกษาของรัฐให้ความเสมอภาคแก่บุคคลในการศึกษาอบรม ตามความสามารถของบุคคล  บุคคลย่อมได้รับการศึกษาชั้นประถมศึกษาหรือการศึกษา ขั้นมูลฐาน โดยไม่เก็บค่าเล่าเรียน     
5.  ประเด็นที่ 3 รัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2521-2534   ประเด็นที่ 4  รัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2540-2550  ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาเหมือนหรือต่างกันอย่างไร  อธิบาย   
 ตอบ        -  เหมือนกัน คือ รัฐจัดการศึกษาให้กับบุคคลมีสิทธิเสมอกันในการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า  12 ปี   และจะต้องจัดอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
              - มีความแตกต่างกัน  คือ   รัฐจะตอ้งจัดการศึกษาอบรมและสนับสนุนให้เอกชน จัดการศึกษาอบรมให้ เกิดความรู้คู่คุณธรรมและจัดให้มีกฎหมายการศึกษาแห่งชาติ    
6.  เหตุใดรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับจะต้องระบุในประเด็นที่รัฐจะต้องจัดการศึกษาอย่างเป็น ธรรมและทั่วถึง  อธิบาย
 ตอบ         เพราะทุกคนจะต้องได้รับสิทธิและความเสมอภาคอย่างทั่วถึง และเท่าเทียมกัน โดยไม่แบ่งแยก เพศ อายุ ชั้นวรรณะ หรือความได้เปรียบและเสียเปรียบทางร่างกาย 
 7.  เหตุใดรัฐจึงต้องกำหนด บุคคลมีหน้าที่รับการศึกษาอบรมตามเงื่อนไขและวิธีการที่กฎหมาย บัญญัติ จงอธิบาย หากไม่ปฏิบัติจะเกิดอะไรขึ้น  
  ตอบ        เพราะเป็นหน้าที่ที่พึ่งกระทำ ทุกคนจำเป็นจะต้องเข้ารับการศึกษาอย่างเท่าเทียม ถ้าหากไม่ปฏิบัติตามก็จะเกิดปัญหาทางการศึกษาและการศึกษาจะไม่เป็นระบบ
8.  การจัดการศึกษาที่เปิดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาหาก เราพิจารณารัฐธรรมนูญมีฉบับใดบ้างที่ให้องค์กรส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วม  และถ้าเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมมากขึ้นท่านคิดว่าเป็นอย่างไร จงอธิบาย 
ตอบ           เป็นสิ่งที่ดีที่จะเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมมากขึ้น เพราะ องค์การท้องถิ่นเป็นองค์กรที่ใกล้เคียงกับบทบาทของการใช้ชีวิตตามความจริง ใกล้ชิดชุมชนและได้เสนอแนะแนวทางร่วมกันได้ง่ายขึ้นด้วย
9.  เหตุใดการจัดการศึกษา  รัฐต้องคุ้มครองและพัฒนาเด็กและเยาวชน  ส่งเสริมความเสมอ ภาคทั้งหญิงและชาย  พัฒนาความเป็นปึกแผ่นของครอบครัว  และความเข็มแข็งของชุมชน  สังเคราะห์ผู้ยากไร้  ผู้พิการหรือทุพพลภาพและผู้ด้อยโอกาส  จงอธิบาย  
ตอบ
      เพื่อเป็นการรักษาความเสมอภาพ และการมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันของคนในสังคมไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นเช่นไร เพศใด และมี
10.  ผลการจัดการศึกษาที่ผ่านมาของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน  มีผลต่อการพัฒนาประเทศ อย่างไรบ้าง  จงอธิบาย
ตอบ        มีวิวัฒนาการเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่เสรีภาพ การศึกษาอบรม ให้กับเด็กและเยาวชนให้เป็นผู้มีความสมบรูณ์ทั้งทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา คุณธรรมจริยธรรม โดยมีแนวทางในการจัดการศึกษา รัฐจะต้องจัดการศึกษาและสนับสนุนให้เอกชนจัดการศึกษาอบรมให้เกิดความรู้คู่ คุณธรรมเช่นกัน และจัดการศึกษาภาคบังคับให้เข้ารับการศึกษาอบรมโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย สำหรับการศึกษาภาคบังคับ ต่อมาได้เพิ่มเติมจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไม่น้อยกว่า 12 ปี รัฐจะต้องจัดอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ พร้อมทั้งจัดให้มีกฎหมายการศึกษาแห่งชาติ หรือเรียกชื่อว่าพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติขึ้น

อนุทิน 1


แบบฝึกหัด 1

คำ สั่ง  หลังจากนักศึกษาได้ศึกษาบทเรียนนี้แล้ว  จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง

1.             ท่านคิดว่าทำ ไมมนุษย์เราต้องมีกฎหมายหากไม่มีจะเป็นอย่างไร

ตอบ  เพราะกฎหมายจะช่วยให้สังคมเกิดความสงบสุข มีความเป็นระเบียบมากขึ้น ทุกคนในสังคมจะปฏิบัติตามบรรทัดฐานที่วางไว้  หากสังคมใดไม่มีกฎหมายสังคมเหล่านั้นจะเกิดความวุ่นวาย ก่อให้เกิดความขัดแย้ง มีการทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย เกิดอาชญากรรม สังคมมนุษย์ จึงไม่อาจดำรงอยู่ได้

2.             ท่านคิดว่าสังคมปัจจุบันจะอยู่ได้หรือไม่หากไม่มีกฎหมายและจะเป็นอย่างไร

ตอบ  สังคมจะเกิดความวุ่นวายมากขึ้น หากไม่มีกฎหมายจะเกิดการคอรัปชั่น เกิดการกระทำผิดโดยไม่ถูกลงโทษ หากคนหนึ่งกระทำผิดแล้วไม่ถูกลงโทษก็จะมีผู้กระทำผิดมากขึ้นเพราะคิดว่าสิ่งที่ตนกระทำไม่ใช่ความผิด

3.  ท่านมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายในประเด็นต่อไปนี้     

ก.  ความหมาย  

  ตอบ     กฎที่ออกมาโดยวิธีบัญญัติกฎหมายเป็นกฎเกณฑ์ที่เป็นแบบแผนความประพฤติของมนุษย์ในสังคม        

 ข. ลักษณะหรือองค์ประกอบของกฎหมาย

   ตอบ   1.กฎหมายต้องมีลักษณะเป็นกฎเกณฑ์

2. กฎหมายต้องกำหนดความประพฤติของบุคคล

3.กฎหมายต้องมีสภาพบังคับ ซึ่งสภาพบังคับตามกฎหมายนั้นมีได้ทั้งในทางอาญาและในทางแพ่ง

4. กฎหมายต้องมีกระบวนการบังคับที่เป็นกิจจะลักษณะ
           ค. ที่มาของกฎหมาย     

   ตอบ      1.กฎหมายที่บัญญัติขึ้น (กฎหมายลายลักษณ์อักษร) เช่น รัฐธรรมนูญ ประมวลกฎหมาย พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง เป็นต้น

2. กฎหมายที่มิได้บัญญัติขึ้น (กฎหมายที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร) กฎหมายจารีตประเพณี

ง. ประเภทของกฎหมาย

ตอบ  1. แบ่งแยกประเภทของกฎหมายตามลักษณะของความสัมพันธ์ของคู่กรณี

2. แบ่งแยกประเภทของกฎหมายตามลักษณะแห่งการใช้งาน


4. ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร ว่าทำไมทุกประเทศจำเป็นต้องมีกฎหมาย จงอธิบาย

                 ตอบ  เพราะกฎหมายเปรียบเสมือนขอบเขตในการขีดคั่นระหว่างการกระทำผิดและการกระทำที่พึงทำได้ หากประใดไม่มีกฎหมายประเทศนั้นก็จะไม่สามารถพัฒนาเทียบเท่าประเทศอื่นได้เพราะประเทศเหล่านั้นไม่มีความเป็นระบบระเบียบ ขาดสิ่งที่เป็นพื้นฐานในการที่จะพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้า นั้นคือ กฎหมาย


5. สภาพบังคับในทางกฎหมายท่านมีความเข้าใจอย่างไร จงอธิบาย

ตอบ   ทุกคนจะต้องถือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด มีความเกรงกลัวต่อกฎหมาย งดเว้นซึ่งการกระทำตามกฎหมาย นั้นๆ กำหนด  หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม อาจถูกลงโทษหรือไม่ก็ได้

6. สภาพบังคับกฎหมายในอาญาและทางแพ่ง  มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

ตอบ   แตกต่างกัน   สภาพบังคับกฎหมายในทางอาญา คือ โทษ แต่สภาพบังคับกฎหมายทางแพ่ง ได้แก่ การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่กันหรือความเป็นโมฆะกรรม หรือโมฆียะกรรม

 7. ระบบกฎหมายเป็นอย่างไร จงอธิบาย

ตอบ  1. ระบบกฎหมายคอมมอน ลอว์ หรือ ระบบกฎหมายไม่เป็นลายลักษณ์อักษร หรือ ระบบกฎหมายจารีตประเพณี

2.ระบบกฎหมายซีวิล  ลอว์ หรือ ระบบกฎหมายลายลักษณ์อักษร หรือ ระบบประมวลกฎหมาย

 8. ประเภทของกฎหมายมีหลักการแบ่งอย่างไรบ้าง  มีกี่ประเภท แต่ละประเภทประกอบด้วย อะไรบ้าง ยกตัวอย่างอธิบาย

ตอบ   1. แบ่งแยกประเภทของกฎหมายตามลักษณะของความสัมพันธ์ของคู่กรณี

1.1.   กฎหมายเอกชน

- กฎหมายแพ่ง

- กฎหมายพาณิชย์

- กฎหมายแรงงาน

1.2.กฎหมายมหาชน

- กฎหมายรัฐธรรมนูญ

- กฎหมายปกครอง

- กฎหมายอาญา

- กฎหมายพระธรรมนูญศาลยุติธรรม

1.3.กฎหมายระหว่างประเทศ

- กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมือง

- กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล

- กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีอาญา

2. แบ่งแยกประเภทของกฎหมายตามลักษณะแห่งการใช้งาน

2.1 กฎหมายสารบัญญัติ

2.2 กฎหมายวิธีสบัญญัติ

 9. ท่านเข้าใจถึงคำว่าศักดิ์ของกฎหมายคืออะไร  มีการแบ่งอย่างไร  

ตอบ   ศักดิ์ของกฎหมายคือ ค่าบังคับที่ไม่เท่ากันของกฎหมายในแต่ละรูปแบบ กฎหมายที่มีศักดิ์ต่ำกว่าจะมีเนื้อหาขัดหรือแย้งกฎหมายที่มีศักดิ์สูงกว่าไม่ได้

-  กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด

- พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ

-  พระราชกฤษฎีกา

-  กฎกระทรวง

- ข้อบัญญัติท้องถิ่นต่างๆ


10. เหตุการณ์  เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2555  มีเหตุการณ์ชุมนุมของประชาชน ณ ลานพระบรม รูปทรงม้า  และประชาชนได้ประกาศว่าจะมีการประชุมอย่างสงบ  แต่ปรากฏว่า รัฐบาลประกาศ เป็นเขตพื้นที่ห้ามชุมนุม และขัดขวางไม่ให้ประชาชนชุมนุมอย่างสงบ  ลงมือทำร้ายร่างกาย ประชาชน ในฐานะท่านเรียนวิชานี้ท่านจะอธิบายบอกเหตุผลว่า  รัฐบาลกระทำผิดหรือถูก

ตอบ   รัฐบาลกระทำผิดในโทษฐานทำร้ายร่างกายประชาชนและขัดขวางสิทธิเสรีภาพ  เพราะประชาชนมีสิทธิในการชุมนุม และมีการชุมนุมอย่างสงบ ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550

11. ท่านมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า  กฎหมายการศึกษาอย่างไร  จงอธิบาย

ตอบ   การศึกษาสามารถพัฒนาทักษะ  ฝีมือ  ความรู้ ความชำนาญการของแรงงานไทยให้สอดคล้องกับความทันสมัยของเทคโนโลยีในปัจจุบัน  และหากการศึกษาสามารถสร้างผู้นำรุ่นใหม่ได้จริง  และสร้างความรู้พื้นฐานทางประชาธิปไตยให้แก่ประชาชนส่วนใหญ่ได้  เราก็คงจะได้ผู้นำทางการเมืองที่มีประสบการณ์ความรู้ในการบริหารบ้านเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ  และมีวิสัยทัศน์กว้างไกล  คงจะไม่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจดังที่ประสบอยู่ 

12. ในฐานะที่นักศึกษาจะต้องเรียนวิชานี้  ถ้าเราไม่ศึกษากฎหมายการศึกษาท่านคิดว่า เมื่อท่านไป        ประกอบอาชีพครู  จะมีผลกระทบต่อท่านอย่างไรบ้าง
ตอบ    เราอาจจะกระทำผิดกฎหมายโดยไม่รู้ตัว นั้นเพราะเราไม่มีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายการศึกษา หรือกฎหมายขั้นพื้นฐานเลย และอาจถูกเอารัดเอาเปรียบได้ในการประกอบอาชีพในอนาคต